ประกันชั้น 1
Category

รถยนต์ไฟฟ้า 3 ประเภท ความเหมือนในความต่าง ที่คุณควรรู้จักไว้ก่อนเลือกซื้อ

ปัจจุบันกระแสของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความสนใจ และแนวโน้มของวงการยานยนต์ทั่วโลกในขณะนี้ก็มีทิศทางที่จะหันเหไปในแนวทางนี้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เพียงผู้ผลิตรถยนต์เท่านั้น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างประกันรถยนต์เองก็เริ่มที่จะมีการปรับตัวตามกระแสด้วย อย่างประกันชั้น 1 ของหลายบริษัทประกันก็เริ่มที่จะมีการปรับกรมธรรม์ให้สอดคล้องกับการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

กระแสที่มาแรงแบบนี้ทำให้หลาย ๆ คนที่วางแผนจะซื้อรถใหม่ในอีกไม่นานนี้ เริ่มมองกันแล้วว่าจะเลือกรถเป็นรถยนต์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่คุณจะต้องทำความเข้าใจให้ดีในตอนนี้ก็คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตออกมาจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบัน จะมีให้เลือกอยู่ 3 ประเภทด้วยกัน แล้วทั้ง 3 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 แบบนี้กันเลยดีกว่า

1.รถยนต์ไฟฟ้าแบบ EV

รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแรกก็คือ รถ EV ซึ่งนับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสายพันธุ์แท้ เพราะทำงานขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากไฟฟ้าแบบ 100% เลย ซึ่ง EV เป็นอักษรย่อมาจากคำว่า Electric Vehicle องค์ประกอบหลักของรถยนต์ประเภทนี้ก็จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนนั่นคือ

  • แบตเตอรี่
  • อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า ที่จะทำหน้าที่แปลงกระแสไฟ จาก AC ไป DC หรือ จาก DC ไป AC
  • มอเตอร์ไฟฟ้า

หากจะเปรียบเทียบ รถยนต์แบบนี้ก็จะคล้าย ๆ กับอุปกรณ์มือถือของเรา ที่จะใช้แบตเตอรี่เป็นตัวเก็บพลังงานไฟฟ้า โดยจะมีอุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าดึงพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ออกมาและทำการแปลงกระแสไฟ จากนั้นก็จะส่งกระแสไฟไปยังตัวมอเตอร์ของรถเพื่อทำการขับเคลื่อนรถ

รถ EV ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ จึงทำให้รถขับเคลื่อนได้เงียบ มีความนุ่มนวล และไม่มีการปล่อยมลพิษใด ๆ สู่อากาศ แต่ทว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้จำเป็นจะต้องมีการชาร์จไฟ และปัจจุบันราคาก็ยังจัดว่าสูงอยู่ หากใครจะซื้อก็ควรจะต้องดูความเหมาะสมเรื่องการชาร์จไฟ ต้องดูว่าสถานีชาร์จมีเพียงพอหรือไม่ หรือที่บ้านสามารถติดตั้งระบบชาร์จได้หรือไม่ด้วย

นอกจากนั้นก็ต้องศึกษาเรื่องประกันชั้น 1 ที่เหมาะสมเอาไว้อีกหนึ่งเรื่องด้วย เพราะอาจจะต้องมีเงื่อนไขการจ่ายเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อแลกกับความคุ้มครองรถประเภทนี้ที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

2.รถยนต์แบบ e-POWER

รถยนต์ไฟฟ้าแบบที่ 2 ก็คือรถแบบ e-POWER ซึ่งจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบบ e-POWER รถยนต์ไฟฟ้าประเภทนี้จะมีทั้งส่วนของเครื่องยนต์สันดาปที่ยังใช้น้ำมันกับส่วนที่เป็นแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า แม้จะมีทั้งสองส่วนแต่การส่งพลังงานขับเคลื่อนรถนั้นจะใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

หลักการทำงานของรถยนต์แบบนี้ก็คือ ใช้ในส่วนของเครื่องยนต์สันดาปเป็นตัวสร้างกระแสไฟฟ้า จากนั้นก็จะส่งกระแสไฟฟ้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ และอุปกรณ์แปลงไฟก็จะดึงกระแสไฟฟ้าไปทำการแปลงก่อนส่งต่อไปยังมอเตอร์ เพื่อให้ส่งกำลังขับเคลื่อนรถ ซึ่งจะเห็นว่าการผลิตกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นจากเครื่องยนต์สันดาป รถแบบนี้จึงไม่ต้องชาร์จไฟ แต่ยังคงต้องเติมน้ำมันอยู่

ในส่วนของราคาในตอนนี้ก็เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่ารถยนต์ EV เลย ยังถือว่าราคาค่อนข้างสูง แต่หากมองรวม ๆ ก็ถือว่าล้ำหน้าและน่าใช้งานไม่น้อย เป็นรถอีกหนึ่งแบบที่เหมาะกับประกันชั้น 1 ที่สุดแล้ว

3.รถยนต์แบบ Hybrid

รูปแบบสุดท้ายของรถยนต์ไฟฟ้าก็คือรถไฮบริด ซึ่งจากทั้ง 3 ประเภทนี้ รถไฮบริดถือว่าได้รับความนิยมสูงสุด หลักการทำงานของรถยนต์แบบนี้จะผสานการทำงานทั้งระบบเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้า คือ จะมีทั้งการใช้น้ำมันและไฟฟ้า โดยเทคโนโลยีภายในจะเป็นตัวกำหนดให้ว่าเมื่อไหร่จะใช้น้ำมันและเมื่อไหร่จะใช้ไฟฟ้า โดยพิจารณาจากกำลังรอบความเร็วที่ทำนั่นเอง

ได้ทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภทกันไปแล้วจะเลือกแบบไหนก็อยู่ที่คุณแล้ว ที่สำคัญควรทำประกันชั้น 1 กับสุดยอดรถเหล่านี้ไว้ด้วยนะ หากต้องการเช็กรายละเอียดและเรื่องของราคาประกัน ลองดูรายละเอียดจาก EasyCompare กันก่อนได้เลย วางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าดีกว่าแน่นอน